อันเนื่องมาจากน้ำตาลมะพร้าว Coconut Sugar!


เรื่องเริ่มมาจากที่ว่า…น้ำตาลมะพร้าว

เจอกันหนไหน คุณดวงกมล เพื่อนรักรุ่นน้องของฉันคนหนึ่งก็มักจะถือน้ำตาลมะพร้าวมาฝากฉันและกลุ่ม ก๊วนเสมอๆ ฉันชอบน้ำตาลนี้มาตั้งแต่เด็กๆคุ้นเคยมาก เพราะแม่ฉันชอบทำขนมและกับข้าวที่ใส่น้ำตาลแบบนี้เสมอค่ะ

ในท่ามกลางกระแสที่เค้าเกรงกลัวกันว่า กินน้ำตาลมากๆ จะอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น ฉันจึงไม่รีรอที่จะ ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตาลชนิดนี้ว่าจะเป็นอย่างไรกันแน่…

ฉันพบว่า ในบรรดาน้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหารอยู่ในครัวเรือนเราทั้งหมด น้ำตาลจากมะพร้าวมีคุณค่าทาง โภชนาการ หรือสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากที่สุดเลยจริงๆ ว่าไปแล้วมีครบครันทีเดียวค่ะคือ มีพลังงาน (383 กิโลแคลอรี่) โปรตีน (0.4 กรัม) ไขมัน (0.1 กรัม) คาร์โบไฮเดรต (95 กรัม) แคลเซี่ยม (80 มิลลิกรัม) ฟอสฟอรัส (40 มิลลิกรัม) เหล็ก (11.1 มิลลิกรัม) ไนอะซิน (1.0 มิลลิกรัม) วิตามินเอ (280 ไอยู) ทั้งนี้คิดจากปริมาณ น้ำตาล 100 กรัมเท่าๆ กัน น้ำตาลทรายขาวแทบไม่มีสารอาหารอะไรเลย น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลสีรำ ก็มีสาร อาหารเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ สยามเคมีดอตคอมค่ะ http://www.siamchemi.com/น้ำตาล/ )

นอกจากนั้น ดูจากบล็อคที่ชื่อว่า https://chalobon.wordpress.com/2010/09/24/คุณค่าอาหารของน้ำตาลมะ/ เขียนไว้น่าสนใจว่า น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัมนั้น มีโปแตสเซี่ยมอยู่ถึงประมาณ 1,030 มิลลิกรัม ขณะที่น้ำตาลทรายแดง มีเพียง 6.5 มิลลิกรัม และไม่ต้องพูดถึงน้ำตาลทรายขาวมีเพียง 2.5 มิลลิกรัมเท่านั้น (โปแตสเซี่ยมนั้นมีบทบาทในการ ลดความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับโคเลสเตอรอลและน้ำหนักตัว องค์การอนามัยกำหนดให้ คนปกติควรได้รับสารอาหารโปแตสเซี่ยมต่อวันประมาณ 1,950 – 3,900 มิลลิกรัมค่ะ)

บล็อคข้างต้นยังชี้ว่า น้ำตาลมะพร้าวยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งด้วยนั่นคืออยู่ในกลุ่มอาหารที่มี ค่าดัชนีน้ำตาล หรือ glycemic index (GI) ที่ต่ำ คือ 35 ซึ่งดีมาก เพราะเมื่อรับประทานเข้าไปจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาล ในเลือดพุ่งสูงขึ้นเร็ว และร่างกายไม่ต้องหลั่งอินซูลินออกมามากเพื่อกวาดน้ำตาลออกไปจากกระแสเลือดค่ะ อันนี้สำคัญมากๆ เพราะการมีอินซูลินในเลือดมากๆ จะทำให้ระดับน้ำตาลลดลงมากเกินไปค่ะ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็ทำให้เรารับประทานน้ำตาลมะพร้าวได้อย่างสบายใจมากขึ้นนะคะ

อ้อ// แต่อย่าลืมว่าต้องดูให้ดีๆ นะคะว่าน้ำตาลมะพร้าวที่ว่านั้นเป็นน้ำตาลมะพร้าวที่ทำมาจากน้ำหวานที่รอง มาจากช่อดอกมะพร้าวจริงๆ เพราะมันจะมีที่ทำจากน้ำตาลทรายเอามาเคี่ยวและผสมน้ำตาลมะพร้าวลงไปในสัดส่วน ที่มากน้อยต่างๆ กัน เพื่อนๆ ต้องทดลองชิมดูว่าออกหวานมันหอมไหม ไม่หวานแหลมนะคะ เนื้อของน้ำตาลก็จะต้อง ไม่แข็งกระด้างจนตักไม่ลง หรือต้องใช้ขวานจาม//

ดูว่าเก็บไว้ ในอุณหภูมิห้องมีเหลวละลาย หรือเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจากเดิมบ้าง นั่นแหละใช่ค่ะ ให้ดีต้องเก็บ ในตู้เย็น ซึ่งก็จะไม่ได้ทำให้เนื้อน้ำตาลเข็งขึ้นมากนักนะคะ เพียงแต่ไม่เหลวป็อดแป็ดและไม่เปลี่ยนสีเร็วเกินไปค่ะ

ก่อนจบขอฝากขอบคุณคุณดวงกมล @wild Thailand ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ไปหาข้อมูลนี้มาเผื่อเพื่อนๆ

ด้วยรักจากใจค่ะ

This entry was posted in อาหารปลอดเนื้อสัตว์, Food and drink, Health and wellness, plant_based_food, Vegan. Bookmark the permalink.

Leave a comment